ตำนานพญาครุฑ
พญาครุฑ หรือ เทพพาหนะ ในพระคัมภีร์ปราณะของพระฮินดูเล่าถึงกำเนิด พญาครุฑ ไว้ว่า ในครั้งหนึ่งพระทักษะปชาบดี ได้ยกสิบสามนางให้ พระกัศยปเทพบิดร ซึ่งในสองพระองค์ คือ นางวินตา และ นางกัทรุ ได้แก่งแย่งซิงดีซิงเด่นกัน โดยนางกัทรุ ขอพรจาก พระกัศบป ให้มีบุตรเป็นนาคทั้งหมด 1,000 ตัว ส่วน นางวินตา ขอพรให้มีบุตรเพียงแค่2องค์ แต่ต้องให้มีฤทธิ์ และ อำนาจ ให้มากกว่าบุตรของ นางกัทรุ ต่อมาผ่านมา 500 ปี นางกัทรุ ได้คลอดลูกออกมาเป็นเป็นนาค 1,000 ตัว ส่วน นางวินตา ได้คลอดลูกออกมาเป็นไข่ 2 ฟอง
หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนานไข่ของ นางวินตา ก็ยังไม่ฟักเป็นตัว นางวินตา เลยทำการทุบไข่ใบแรก แล้วปรากฏเป็นเทพครึ่งองค์ไม่มีท่อนล่าง เนื่องจากเกิดก่อนกำหนด แล้ว ให้มีนามว่า อรุณเทพบุตร
ซึ่งได้ไปเป็นคนบังคับม้าให้ กับ พระอาทิตย์ พอ พระอรุณ ออกมาจากไข่ แล้วเห็นว่าตนพิการจึงทำการสาปให้แม่ของตัวเอง คือ นางวินตา ให้ไปเป็นทาสของ นางกัทรุ เป็นเวลา 500 ปี ถ้ารอไข่อีกใบฟักได้ นั้นแระจะช่วยถอนคำสาป นางวินตา ก่อต้องทนรอไปอีก 500 ปี จนกว่าไข่อีกใบจะคลอดเอง
ต่อมา นางวินตา และ นางกัทรุ ได้ทำการแข่งขัน พนันทายสีม้าเทียมรถของ พระอาทิตย์ โดยมีข้อแม้ว่า หากผู้ใดแพ้ต้องยอมเป็นทาสของอีกฝ่าย นางกัทรุ ได้ใช้อุบายให้ นาค ผู้เป็นลูกเข้าไปแทรก อยู่ในรถขนม้าของ พระอาทิตย์ เพื่อให้สีเปลี่ยนไป นางวินตา จึงแพ้พนัน ต้องกลายเป็นทาสของ นางกัทรุ หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไป 500 ปี ไข่ใบที่ 2 ก็แตกออกมาเป็นบุตรผู้ที่มีพระกำลังมหาศาล มีรัศมี ทองสว่างไสว กว่าพระอาทิตย์นับร้อยเท่า มีศีรษะจงอยูปาก และ ปีกเหมือน นกอินทรี แต่ร่างกาย และ แขนขาเหมือนมนุษย์มีนามว่า เวนไตย
ใน ตำนานพญาครุฑ เมื่อ พญาเวนไตย ได้เติบโตขึ้น แล้วทราบว่ามารดาของตนต้องไปเป็นทาสของ นางกัทรุ ที่พ้ายแพ้อุบายของนางกัทรุ พญาเวนไตย
จึงได้ไปขอไถ่ตัวมารดาจากเหล่า นาค พวก นาค ก็ยินยอม แต่มีข้อแม้ว่า พญาเวนไตย จะต้องไปนำเอา น้ำอมฤต ที่ พระอินทร์ เก็บรักษาไว้บนสวรรค์มาให้พวกตน พญาเวนไตย ได้ตกลง แล้วทำการออกเดินทาง แต่ก่อนออกเดินทางนั้น ได้ทำการขอพรจากมารดา แล้วมารดารได้บอกว่า ระหว่างทางหากหิว ให้กินคนป่าเถื่อน และ ห้ามทำอันตรายพวกพราหมณ์โดยเด็ดขาด พญาเวนไตย ก็ได้รับคำจากมารดา
ในระหว่างที่เดินทางไปเอา น้ำอมฤต พญาเวนไตย ได้ทำการช่วยพวก ฤาษี เคราะ แล้ว ฤาษี เห็นว่า พญาเวนไตย มีจิตใจที่งดงาม จึงตั้งชื่อให้ว่า ครุฑ แล้ว ฤาษี
ได้ทำการให้พรว่า จะทำการใดก็ให้สำเร็จ และ ให้มีพละกำลังมหาศาลไม่มีผู้ใดต้านทานได้ พญาครุฑ ก็ได้บินไปยังเทวโลก เพื่อนำเอา น้ำอมฤต ออกมา พระอินทร์ มาพบเห็นจึงได้เกิดการต่อสู้รบกัน พระอินทร์ ไม่สามารถสู้พละกำลังได้ จึงได้ไปตาม พระนารายณ์ มาให้มาช่วยทั้งสองได้ต่อสู้กันดุเดือด
ปรากฏว่าต่างฝ่ายก็ไม่สามารถเอา ชนะกันได้ พญาครุฑ ได้บอก พระนารายณ์ ว่าต้องการเอา น้ำอมฤต ไปช่วยมารดา ไม่ได้เอาไปกินเอง พระนารายณ์ จึงพอพระทัยมาก
จึงให้พรกับ พญาครุฑ ไป2ประการตามที่ พญาครุฑ ต้องการคือขอให้เป็นพาหนะให้ พระนารายณ์ ในเวลาเสด็จไปที่ต่างๆแต่ในการปกติหรือตอนชุมนุมเหล่าเทพ และ เทวดา จะให้ พญาครุฑ
อยู่เหนือ พระนารายณ์ และ เทพทุกองค์ พรอีกข้อคือ ให้ พญาครุฑ เป็นอมตะ แม้จะไม่ได้ดื่ม น้ำอมฤต
และยังแถมพรให้อีกข้อคือให้ พญาครุฑ สามารถจับ นาค กินเป็นอาหารได้แต่ขอยกเว้นไว้สองคนคือ อนันตนาคราช และ พญาวาสุกรีนาคราช จากนั้น พญาครุฑ
ได้นำ หม้อน้ำอมฤต กลับไปโดยให้ พระอินทร์ บินตามไปด้วย สุดท้าย นางวินตา ได้ถูกปล่อยเป็นอิสระ พระอินทร์ ได้นำเอา หม้อน้ำอมฤต
กลับสวรรค์ โดยที่ พญานาค และ นางกัทรุ ยังไม่ได้ดื่มกินสร้างความไม่พอใจให้กับ พญานาค โกธรและแค้นเป็นอย่างมากเป็นเหตุให้ พญาครุฑ กับ พญานาค เป็นศัตรูกันทุกภพทุกชาติไป