ตำนานความแค้น ของพระราหู กับพระจันทร์ และพระอาทิตย์
เรื่องเล่า ตำนานพระราหู
จากตำนาน และความเชื่อ ว่า ปรากฎการณ์ จันทรุปราคา และ สุริยุปราคา ที่มาพร้อมกับตำนาน ราหู หรือ พระราหู เทวดานพเคราะห์ ที่ถูกผนวกเข้าไว้กับสีดำ ความมืดมน
เชื่อว่า พระราหู คือผู้กลืนกิน พระจันทร์ และ พระอาทิตย์ จนทำให้เกิดเงา ที่มัวเรียกว่า อาทิตย์ดับ จันทร์ดับ
เมื่อใดที่มีปัญหาเกิดความวุ่นวาย มีการเปลี่ยนแปลง หรือ ภัยพิบัติ วิบากกรรมต่างๆ ในทางโหราศาสตร์ ดาวราหู จะถูกพาดพิง เสมอ ว่าเป็นเหตุของการเปลี่ยนแปลง ความวุ่นวาย อุปสรรค โรคภัย หรือ ภัยพิบัตินั้น เพราะดาวดวงนี้เป็น ดาวบาป เคราะใหญ่ ที่ให้โทษรุ่นแรง
ตำนานพระราหู ว่า
ราหู และ พระราหู คือ เทพแห่งการเปลี่ยนแปลง และ ภัยพิบัติ เพราะนั้น ดาวราหูโคจร เข้าทับลัคนาของใครก็ตาม ชีวิตจะได้พบกับการเปลี่ยนแปลงรวมถึงความวุ่นวาย อุปสรรค เข้ามา
ตามตำนาน เทวดานพเคราะห์ คัมภีร์เฉลิมไตรภพ พระราหู เป็น เทวา ลำดับที่8 เกิดจากที่ พระอิศวร ได้นำหัวผีโขมด 12 หัว มาป่นลงเข้าด้วยกัน แล้วประพรม ด้วย น้ำอมฤต จึงบังเกิด เป็นพระราหู ขึ้นมา
พระราหู เป็นโอรสของท้าวเวปจิตติ กับ นางสิงหิกา รูปร่างหน้าตาของ พระราหู นั้นคือ มีรูปร่างที่ใหญ่โต ท่อนบนตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นมามีลักษณะเป็น ยักษ์ หรือ แทตย์
ส่วนครึ่งท่อนล่างเป็นขนดหางแบบเดี่ยวกับ พญานาค ลักษณะ พระราหู เป็นยักษ์ หรือ อสูร ที่มีกายเพียงครึ่งท่อน ที่กำลังกลืนกินพระอาทิตย์ หรือ พระจันทร์ หรือ ทำท่าทางคอยดักจับ พระอาทิตย์ หรือ พระจันทร์ ซึ่งมาจาก ตำนานสุริยคราส และ จันทคราส
สาเหตุที่ พระราหู จงเกลียดจงซัง พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ ในความเชื่อทางฝ่าย พราหมณ์ เล่าว่า พระนารายณ์ ทรงแนะนำให้ พระอินทร์
จัดทำพิธีกวน น้ำอมฤต น้ำอมฤตนี้เมื่อได้ดื่มกินแล้ว จะเป็น อมตะ และ จะมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้น การกวน น้ำอมฤต เป็นงานใหญ่ ลำพังเหล่าเทพนั้นจะไม่สามารถทำได้
พระอินทร์ จึงขอความร่วมมือ จาก เหล่าอสูร ให้มาร่วมในพิธี กวนน้ำอมฤต โดยมีข้อตกลงกันว่า ถ้างานสัมฤทธิ์แล้ว จะแบ่งน้ำอมฤต ให้ทั้งฝ่ายเทพ และ ฝ่ายอสูร อย่างยุติธรรม เพื่อจะเป็นอมตะโดยด้วยกัน
เมื่อพิธีได้เริ่มขึ้น ณ เกษียรสมุทรเริ่มขึ้น โดยการนำเอา เขามันทระมาเป็นไม้กวน และ ใช้ พญาอนันตนาคราช เป็นเชือกพัน ทางฝ่ายเทพก็เริ่มสำแดงความเอาเปรียบในเบื้องแรกออกมา โดยการให้ฝ่ายอสูร ชักรอก อยู่ทางด้าน เศรียรของพญานาค ส่วนฝ่ายเทพพากันมาช่วยชักรอกทางด้านหาง การที่จะกวนน้ำอมฤตให้ได้ผลสำเร็จนั้น จะต้องใช้เวลา และ ความอุตสาหะ อดทน เป็นอย่างยิ่ง และ นำว่านยาต่างๆ ผสมลงไปกวนกันอยู่เป็นเวลานาน ยิ่งนาน พญานาคอนันตนาคราช ที่เป็นเชือกรอกในการกวน ก็ยิ่งเจ็บปวดทรมาน เมื่อทนไม่ไหว พญานาค ก็พ่นพิษออกมา งานนี้ทาง ฝ่ายอสูร ที่จับอยู่ทางฝังของ หัวนาค เป็นฝ่ายรับพิษ นาค ไปเต็มๆ จนในที่สุดก็พากันหมดแรง
เมื่อเสร็จพิธี ฝ่ายเทพก็ได้ สำแดงลวดลายออกมา ฉวยโอกาสตอนที่ อสูร อ่อนแรง ยึดเอาผอบน้ำอมฤตไป ทางฝ่าย อสูร เมื่อเห็นว่าฝ่าย เทพ ผิดสัญญา ก็ลุกขึ้นมาสู้ พากันแย่วชิงจนเกิดสงครามขึ้น ซึ่ง
พระนารายณ์ รู้ได้แปลงร่างเป็นสาวงาม มีนามว่า โมหิณี เข้าไปไกล่เกลี่ย และ รับอาสาจะเป็นผู้แบ่งน้ำอมฤตให้แก่ทั้งสองฝ่าย อย่างยุติธรรม
อสูร จะหารู้ไม่ว่าได้หลงกลฝ่ายเทพ เพราะเทพก็คือเทพ เข้าข้างฝังเดียวกันอยู่แล้ว นางแปลงจัดให้ฝ่ายเทพ และ ฝ่ายอสูร นั่งเป็นแถว แล้ว หันหน้าเข้าหากัน แล้วนางจะส่งน้ำอมฤต
ให้ดื่ม สลับกันที่ละฝ่าย จากนั้น นางแปลง เริ่มส่ง น้ำอมฤต ให้ฝ่ายเทพก่อน จากนั้นก็ได้ส่งต่อน้ำอมฤตให้แก่ เทพด้วยกันดื่มต่อๆ
กับไปโดยปล่อยให้ ฝ่ายอสูร เฝ้ารอไปก่อน ในเหล่าอสูร ก็นั่งเฝ้ารอ ก็มีเพียงแต่ พระราหู เพียงตนเดี่ยวที่รู้ทัน เล่ห์ อุบายของฝ่ายเทพ ด้วยความสงสัย และ
ไม่ไว้ใจในพฤติกรรมของฝ่ายเทพ พระราหู จึงได้แปลงกายเป็นเทพ เพื่อที่จะเข้าไปนั่งแทรกอยู่ในแถวเหล่าเทพ โดยนั่งระหว่าง พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ ทาง ฝ่ายเทพ
นั้นก่อนที่จะยกน้ำอมฤต ขึ้นมาดื่มต้องสวดมนตร์ก่อนทุกครั้ง
แต่พระราหูไม่ชินกับธรรมเนียมของเทพ เมื่อรับน้ำอมฤตมาแล้วได้ทำการดื่มกินเลย โดยที่ไม่สวดมนตร์ก่อน ซึ่ง พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ ที่อยุ่ข้างๆพระราหู ได้สังเกตุในความผิดปกติ จึงโวยวายให้แก่นางแปลง ทราบ พระนารายณ์ ที่แปลงร่างเป็นผู้หญิง จึงได้ทำการขว้างจักรมาตัดร่างพระราหูขาด เป็นสองท่อนตรงบั้นเอว พระราหู จึงไม่ตายเพราะได้ดื่มน้ำอมฤต เรียบร้อยแล้ว ส่วนของร่างในท่อนบนก็เป็นพระราหู ท่อนล่างเป็นหาง พญานาค กึ่งเทพและอสูร มีนามว่า พระเกตุ ความแค้นของพระราหูในครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก และที่สำคัญพระราหูอาฆาตแค้นพระอาทิตย์และพระจันทร์ยิ่งนัก เพราะเป็นผู้โวยวายจนพระ นารายณ์รู้ และ ขว้างจักรมาตัดร่าง จากนั้นพระราหู ได้ตามจับตัว พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ เรื่อยมา
